ในการวัดระยะทาง (Distance Measurement) ในปัจจุบันมีหลายวิธีให้เลือกวัดตามความเหมาะสมและความสะดวกของหน้างาน
ไม่ว่าจะเป็นกล้องวัดระยะที่ใช้ในงานโยธา เครื่องวัดระยะด้วยอัลตราโซนิค (Ultrasonic Range Finder) หรือเครื่องวัดระยะด้วยคลื่นแสง (Laser Distance meter) ในที่นี้จะกล่าวถึงการทำงานของ 2 ประเภทหลังดังนี้
1 . Ultrasonic Range Finderหรือ เครื่องวัดระยะด้วยอัลตราโซนิค
ใช้หลักการปล่อยคลื่นเสียงออกไปกระทบกับวัตถุที่ต้องการวัดระยะ
เมื่อคลื่นเสียงสะท้อนกลับมาที่ตัวรับสัญญาณ
จากนั้นในส่วนประมวลผลของเครื่องจะคำนวณค่าระยะทางจากเวลาที่เสียงสะท้อนกลับและค่าความเร็วเสียง
จากนั้นแสดงค่าออกมาที่ดิสเพลย์
เหมาะใช้งานกับวัตถุที่มีผิวเรียบและมีพื้นที่กว้าง
ข้อดีของ Ultrasonic Range Finder( เครื่องวัดระยะด้วยอัลตราโซนิค)
- มีวงจรและหลักการทำงานไม่ซับซ้อนเท่ากับ Laser Distance meter
- ราคาถูก
ข้อจำกัดของ Ultrasonic Range Finder( เครื่องวัดระยะด้วยอัลตราโซนิค)
--อาจเกิดการผิดพลาดในการวัดจากวัตถุที่อยู่รอบข้าง- เมื่อวัดระยะไกลความแม่นยำจะลดลงเนื่องจากคลื่นเสียงมีลักษณะกระจายตัวดังรูป
- เสียงไม่สามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้ (ต้องมีตัวกลาง)
2) LaserDistance meterหรือ
เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งมีหลักการคล้ายกับUltrasonic Range Finder แต่ใช้หลักการการสะท้อนกลับของแสงแทนเสียง
โดยที่อุปกรณ์ตัวนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบเช่น วัดระยะทาง,วัดพื้นที่และปริมาตร ซึ่งจะนำความกว้าง
ความยาวมาคำนวณ, วัดความสูง เป็นต้น
ข้อดีของ Laser Distance meter (เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์)
- ไม่ถูกรบกวนจากวัตถุใกล้เคียง เพราะ
แสงเลเซอร์ เป็นลำแสงที่เดินทางเป็นเส้นตรงและมีความแคบ ทำให้ไม่ ไป กระทบกับวัตถุใกล้ๆแล้วสะท้อนค่าที่ผิดกลับมา
- มีความแม่นยำสูง (อุปกรณ์ที่ทดลอง มีความคลาดเคลื่อน ± 1.5 มิลลิเมตร)
- สามารถใช้งานในสภาวะสุญญากาศได้ เพราะ คลื่นแสงไม่ต้องใช้ตัวกลางในการเดินทาง
ข้อจำกัดของ Laser Distance meter (เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์)
– ถ้าพื้นผิวสะท้อนไม่ดี หรือ มีการหักเหมากเกินไป
จะทำให้ค่าที่ได้ผิดพลาด
– ถ้ามีแสงรบกวนมากเช่น
แสงจากดวงอาทิตย์จะทำให้มีระยะการวัดที่น้อยกว่า การวัดในที่มืด
ถ้าวัดระยะไกลๆ อาจเกินการเบี่ยงเบนได้
- ราคาสูงกว่า Ultrasonic Range Finderเนื่องจากความแม่นยำและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า